นิทานเรื่อง “กระต่ายกับเต่า” (Hare and Tortoise
story)
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีกระต่ายกับเต่าอยู่คู่หนึ่งเถียงกันว่า ใครวิ่งได้เร็วกว่ากัน ทั้งคู่จึงตกลงท้ากันวิ่งแข่ง
เมื่อเริ่มแข่งขัน เจ้ากระต่ายออกวิ่งนำมาไกลอย่างรวดเร็ว พอมาถึงต้นไม้ต้นหนึ่ง มันก็คิดว่า
“ถ้าได้พักซักงีบ คงไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวค่อยวิ่งต่อก็แล้วกัน”
เต่าวิ่งมาเรื่อยๆ
อย่างเหนื่อยหอบ เต่าหยุดมองดูกระต่ายพักหนึ่ง เต่าจ้องมองกระต่ายและเจ้าเต่าออกวิ่งต่อพอเจ้ากระต่ายตื่นขึ้นมามันก็พบว่าเจ้าเต่าเข้าเส้นชัยไปแล้ว
นิทานเรื่องนี้สอนอะไรเราได้
2 อย่าง
1.อย่างแรกก็คือ
ความประมาทเป็นหนทางสู่ความล้มเหลว ต่อให้เก่งแค่ไหน
หากหลงลำพองตนก็อาจถึงจุกตกอับเหมือนเจ้ากระต่ายได้
2.ส่วนอย่างที่สอง
ถึงแม้จะด้อยกว่า แต่ถ้ามามั่นคง เพียรพยายาม ไม่ท้อถอย
ก็สามารถเป็นผู้ชนะหรือประสบความสำเร็จอย่างเจ้าเต่าได้เหมือนกัน
“เอาล่ะ ทั้งหมดนี่ที่ชมมา
เป็นกระต่ายกับเต่ารูปแบบที่เราคุ้นเคยกันส่วนต่อไปนี้ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่มีคนคิดเอาไว้
ซึ่งน่าสนใจทีเดียว ไปชมกันเลยดีกว่า”.................................................
เต่าจึงพูดขึ้นว่า
“ว่าไง เจ้ากระต่าย มีธุระอะไรหรือ”
กระต่าย “คือ...ฉันคิดว่าคราวที่แล้ว...ฉันคงออมมือให้เกินไปหน่อยนะ
คือ...ฉันอยากจะท้านายแข่งอีกซักรอบ พรุ่งนี้เป็นไง”
กระต่ายถามเจ้าเต่าว่า
“ว่าไง ตกลงไหม”
เจ้าเต่าได้หยุดคิดเล็กน้อยและตอบว่า “เอ้า
ตกลงก็ได้”
กระต่าย “’งั้น เจอกันที่เดิม
ราตรีสวัสดิ์” และกระต่ายจึงเดินกลับบ้านไป
เช้าวันต่อมา
เจ้ากระต่ายได้พบว่า
ความมั่นใจในตัวเองที่มากเกินไป บวกกับความขี้เกียจของมันนั้นแหละ ที่ทำให้มันแพ้ถ้ามันไม่งีบพักระหว่างการแข่งขัน
เจ้าเต่าหน้าไหน ก็ไม่มีวันอาจชนะมันได้หรอก
เมื่อเริ่มแข่งขัน
เจ้ากระต่ายออกวิ่งต่ออย่างรวดเร็วรวดเดียวและเข้าเส้นชัยไปในที่สุด
“ถึงตอนนี้
เราได้ข้อคิดอะไรแล้วล่ะ”
“ถ้าเปรียบกับการทำงานของสังคมในปัจจุบันที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา”
“หากคนหนึ่งทำงานช้า
แต่ไม่เคยพลาด กับอีกคนที่ทำงานได้เร็วและพอไว้ใจได้”
“แน่นอน
คนที่เร็วกว่ามักประสบความสำเร็จกว่าอยู่แล้ว”
“ถึงแม้งานที่ทำจะดีซักแค่ไหน
หากทำไม่ทันตามกำหนด”
“งานที่ทำมาทั้งหมดก็อาจสูญเปล่าได้”
“เอ๊ะ! ยังไม่จบ
จะรีบไปไหนล่ะ ยังมีต่อ”
คราวนี้ถึงตาเจ้าเต่ามั่ง
หลังจากที่มันได้คิดใคร่ครวญไปได้ซักระยะหนึ่ง
เจ้าเต่าจึงไปเคาะประตูบ้านเจ้ากระต่าย เจ้ากระต่ายแง้มประตูออกมาหาผู้มาเยือน กระต่ายมองซ้าย มองขวาแต่ไม่เจอใคร แต่แล้วเจ้ากระต่ายก้มมองลงมา เจ้าเต่านั่นเอง
กระต่ายจึงพูดขึ้นว่า
“เอ้า ว่าไงเจ้าเต่า จะมาท้าแข่งกับฉันใหม่อีกรอบหรือไง”
เจ้าเต่าจึงตอบว่า
“อืม ถูกต้อง แต่...คราวนี้ ฉันขอเปลี่ยนเส้นทางหน่อยละกัน”
กระต่าย : “ยังไงก็ได้ ไม่มีปัญหา
แต่ฉันคิดว่า นายคงเหนื่อยเปล่าละนะ แค่นี้ละ ง่วงละ ราตรีสวัสดิ์”
เช้าวันต่อมา
แน่นอน
ว่าคราวนี้เจ้ากระต่าย ก็วิ่งนำอย่างไม่ทิ้งฝุ่นเช่นเคย เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณหนึ่ง
กระต่ายอึ้งไปชั่วขณะเพราะเจ้ากระต่ายวิ่งมาเจอแม่น้ำที่มีเส้นชัยอยู่ฝั่งตรงข้าม
แต่เจ้ากระต่ายก็คิดที่พยายามที่จะข้ามแม่น้ำ
“โอ้ว อะไรกันนี่
เจ้ากระต่ายว่ายน้ำไม่เป็นเสียด้วย”
“ต้องอ้อมอีกตั้งไกลแน่ะ
กว่าจะถึงทางข้ามไม่ทันแน่ เส้นชัยอยู่แค่เอื้อมเอง”
ที่แท้ เจ้าเต่าก็คิดได้ว่า
มันไม่อาจเอาชนะเจ้ากระต่ายได้เลยในเส้นทางวิ่งที่ผ่านมา ทั้งที่ตัวมันก็พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว
มันก็เลยขอเจ้ากระต่ายเปลี่ยนเส้นทางที่มันถนัดและมีโอกาสชนะได้นั่นเอง หากเราพิจารณาจุดแข็งของตนเองให้ดีเลือกเส้นทางแข่งขันที่ตนเองถนัด
ก็เปรียบได้กับคนที่เลือกทำในสิ่งที่ตนเองรักและถนัด ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนัก...จริงไหมล่ะ
เจ้ากระต่าย
หงุดหงิด โมโหมาก เจ้ากระต่ายยังไม่ยอมแพ้และกระโดดลงไปในแม่น้ำ แต่เจ้ากระต่ายว่ายน้ำไม่เป็นจึงจมลงไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าเต่าเห็นพอดีจึงหันกลับไปตรงที่เจ้ากระต่ายจมน้ำ
กระต่ายพยายามโบกมือขอความช่วยเหลือ
กระต่ายจมน้ำไปแล้ว
เจ้าเต่าจึงกระโดดลงไปพาเจ้ากระต่ายขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย
กระต่ายกับเต่าขึ้นมาจากน้ำด้วยความเหนื่อยล้า
กระต่ายลุกขึ้นมาเพื่อจูงมือแต่เต่าให้ลุกไปเข้าเส้นชัย
กระต่ายบอกกับเจ้าเต่าว่า
“ลุกขึ้นเร็ว ไปเข้าเส้นชัยสิ นายเป็นฝ่ายชนะนี่”
เต่ายิ้มและพยักหน้า
และเจ้าเต่าก็วิ่งไปเข้าเส้นชัยไป ส่วนเจ้ากระต่ายมองเต่าวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างมีความสุข
นอกจากนี้
เรายังได้บทเรียนอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า
ไม่ว่าเจ้ากระต่ายหรือเต่าเมื่อต่างฝ่ายต่างประสบความพ่ายแพ้ไม่มีซักตัวที่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลว
หากแต่ได้แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีให้เหมาะสม
จนได้รับชัยชนะในแต่ละครั้ง
“และสุดท้ายนี้ ไม่ว่าแข่งกับอะไร
หรือกับใครก็แล้วแต่ ก็ขอให้แข่งกับใจของตัวเองให้ดีที่สุดแล้วกัน สวัสดีครับ...”
##จบบริบูรณ์##